ช่วงนี้กำลังคร่ำเคร่งกับการทำธุรกิจออนไลน์ เพราะเป็นช่วงสำคัญของการ shopping online ใน US และ UK
จนเกือบลืมไปว่าตั้งใจจะหาข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกซื้อกองทุนรวม สำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดภาษีให้พี่สาว..
นี่ก็จะสิ้นปีแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้ซื้อกองทุนอะไรไปบ้างแล้ว ..เฮ้อ

เอาเป็นว่าขอนำบทความที่เราอ่านแล้วว่าดีมีประโยชน์เกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากเลยดีกว่า..
ส่วนข้อมูลความรู้เบื้องต้น เข้าใจว่าคงพอรู้กันอยู่แล้ว แต่ถึงยังไม่รู้ก็พอมีแหล่งให้ความรู้เรื่องนี้อยู่มากมายค่ะ

ขอขอบคุณ คุณขอบฟ้าบูรพา เจ้าของบทความนี้ค่ะ ที่มา (แนะนำให้ไปอ่านบทความสาระดีๆค่ะ)

???LTF – RMF???

ที่กำลังจะโพสทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนบุคคลอย่างแรงกล้า
อ่านแล้วกรุณาใช้วิจารณญานลายๆรอบด้วยครับ
เพราะผู้เขียนจะไม่รับผิดชอบในกำไร ขาดทุนที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน อิอิ
____________________________________________________

ช่วง นี้ก็เป็นช่วงปลายปีแล้ว ถึงตอนนี้ทุกคนก็คงเตรียมจัดงานคริสมาสต์กับงานปีใหม่กันอย่างเอิกเกริก อากาศก็เริ่มเย็นลง ถือเป็นช่วงเวลาดีๆที่จะต้อนรับความสุขหลังจากผ่านปีที่ยากลำบากมาทั้งปี จะได้ฉลองจากการเหน็ดเหนื่อยก็ช่วงนี้แล ห้างทั้งหลายก็ลดกระหน่ำไอ้เราก็ช็อบระเบิด เลี้ยงปาร์ตี้สนุกจ่ายกันสนั่นจนต้องรูปปื๊ดๆ เป็นหนี้กัน มานั่งกุมขมับกันในปีต่อไปแทน อุเหม่คนไทยคงไม่เป็นแบบนั้นไปร้อยทั้งร้อยหรอกครับ ก็จะมีบ้างบางคนที่ทำงานมาเหน็ดเหนื่อยตลอดทั้งปี ผลแห่งความขยันเลยกลายเป็นรายได้ขึ้นมา คิดแล้วก็มีความสุข แต่ชำเลืองมาอีกที อ่ะโห ผลแห่งความขยันทำให้เรามีรายจ่ายภาษีเพิ่มขึ้นด้วยแฮะ ทำยังไงดี ดี ดี ดี

พล่าม มาตั้งนาน วันนี้จะมานำเสนอทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดภาษีโดยการซื้อกองทุน รวมนั่นเอง ก็แหม่กองทุนมีเป็นสิบเป็นร้อย จะจำแนกแจกแจงยังไงดีนะ ก็เลยจะขอถือโอกาสมาแนะนำกองทุนมันซะเลย บอกได้เลยงานนี้ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ไม่มีคำยืนยนัว่าจะได้ผลด้วย(ฮา) แต่คัดมาจากความชอบโดยส่วนตัวล้วนๆเลยนะครับ ก็อย่าถือเอาเป็นจริงเป็นจังมาก คิดซะว่าเป็นอีกหนึ่งความเห็นที่จะมาเปิดมุมมองใหม่ๆก็แล้วกัน

สำหรับ เรื่องนี้ผมขอไม่ลงในรายละเอียดว่ากองทุน LTF RMF เป็นอะไร ยังไง ข้อกำหนดในการลงทุน ขอข้ามไปเลยนะครับ ไม่อย่างนั้นวันนี้คงไม่ได้ทำงานทั้งวัน เอาแค่แวบมาพิมพ์ครึ่งวันก็ใกล้เคียงกับการโดนไล่ออกแล้ว(ฮา) ด้วยประการฉะนี้จึงขอแนะนำเฉพาะกองทุนที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนแบบต่างๆนะ ครับ

เริ่มจากกองทุนประเภท LTF กันก่อนเลยดีกว่าสำหรับกองทุนที่ผมชอบในส่วนของLTFมีดังต่อไปนี้ครับ

Aberdeen Long Term Equity ดีจากต้น จนจบปลาย ถ้าดูจากผลตอบแทนแล้วบอกได้เลยว่ากองทุนนี้ได้ผลตอบแทนที่ไม่โดดเด่นนักในปีนี้ แล้วทำไมผมถึงชอบน่ะหรอ? เพราะเท่าที่ผมติดตามมาบลจ.aberdeenมักจะทำได้ดีกว่าในระยะยาวสำหรับกองทุนหุ้นทั้งหลาย ถึงแม้ว่าผลตอบแทนปีนี้จะไม่โดดเด่น แต่การลงทุนระยะยาวกับกองทุนหุ้นของที่นี่ผมคิดว่าก็จะไม่ห่อเหี่ยวเช่นเดียวกัน เพราะไสตล์การเลืออกหุ้นของที่นี่จะเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดีมากกว่าจะเลือกหุ้นที่หวือหวาตามตลาดแบบบลจอื่นๆ ถ้าได้ติดตามผลตอบแทนของกองทุนหุ้นของAberdeen จะพบว่าหลายครั้งที่ตลาดหลักทรัพย์ตกลงมา แต่ผลตอบแทนของกองทุนยังเป็นบวกอยู่ นั่นก็เพราะเมื่อหุ้นตลาดราคาลดลงมา นักลงทุนก็จะหันไปเก็บหุ้นพื้นฐานดีที่ราคามั่นคงแทน ซึ่งหุ้นประเภทนี้ราคามักจะค่อยๆขยับขึ้นในระยะยาวมากกว่าที่จะโลดโผนไปตามตลาด ดังนั้นใครที่อยากลงทุนยาวแต่ไม่มีเวลาติดตามตลาดมากนัก ผมคิดว่ากองทุนนี้เหมาะมากครับ รวมไปถึงใครที่มีกองทุนหุ้นแบบที่ลงทุนน้ำหนักคล้ายๆตลาดอยู่แล้ว น่าจะแบ่งพอร์ตบางส่วนมาลงในกองทุนนี้เพื่อถัวเฉลี่ยน้ำหนักก็ดีเหมือนกัน กองทุนนี้ผมเชื่อว่า ช้าแต่ชัวร์ครับ

AYF Dividend Stock Long Term Equity จิ๋วแต่แจ๋ว สำหรับกองทุนนี้ต้องบอกว่าแจ่มจริงปีนี้ หลักการคือการลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีและมีปันผลดีๆ เพราะลงทุนในความเชื่อที่ว่าเมื่อตลาดตกนั้นมันจะได้มีปันผลมาค้ำยันราคาไม่ให้ตกมาก ก็ลองคิดดูสิครับถ้าหุ้นตัวไหนปันผลปีละบาท จะมีโอกาสมากเท่าไหร่ที่มันจะตกลงมาต่ำกว่า 10 บาท โอกาสน่ะมีแต่ก็ต่ำกว่านั้นได้ไม่นานหรอกครับถ้าเฉพาะเงินปันผลได้ผลตอบแทนมากกว่า 10% นี่แหละครับปรัชญาในการลงทุนของกองทุนนี้ ทีนี้ปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะช่วงกลางปีค่อนมาทางปลายปีที่หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กพาเหรดกันขึ้นมาทำราคาสูงสุดใหม่กันเป็นทิวแถว กองทุนนี้ที่อุดมไปด้วยหุ้นจิ๋วแต่แจ๋วทำให้ผลตอบแทนของกองทุนนี้ติดลมบนขึ้นมายืนอยู่บนจุดสูงอย่างหากองทุนอื่นมาเทียบได้ยาก แต่สิ่งที่ต้องจับตามองก็คือ ขนาดของกองทุนที่เล็กมากหากมีขนาดที่ใหญ่มากขึ้นจะยังสามารถรักษาประสิทธิภาพการทำกำไรแบบนี้ไว้ได้หรือไม่ รวมไปถึงการที่กองทุนมีผลตอบแทน”โดด” ขึ้นมาในช่วงปีเดียวยังไม่ได้ผ่านการทดสอบจากตลาดเป็นเวลานานพอ ต้องดูกันต่อไปครับ เพราะว่ากองทุนหุ้นอื่นๆของบลจนี้ก็ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองเท่าไหร่นัก

Jumbo 25 Dividend Long Term Equity หุ้นใหญ่ในใจต่างชาติ ถ้าจะบอกว่าหุ้นเล็กอย่างสองกองทุนแรกเป็นพระเอกช่วงกลางปี แต่ช่วงเดือนท้ายๆนี่ต้องบอกว่าหลบหน่อยพระเอกมา เพราะอะไรครับ? ถ้าเราลงทุนบนพื้นฐานที่ว่าต่างชาติเป็นกลุ่มที่ผลักดันSETให้ขึ้นๆลงๆได้ การที่เราจะสร้างผลตอบแทนให้ล้อไปกับการขึ้นลงของตลาดนั้นเราต้องเล่นในสนามเดียวกันกับต่างชาติ และเมื่อมองย้อนไปจะพบว่าต่างชาติจะเน้นลงทุนในหุ้นใหญ่ๆอย่างพลังงาน ธนาคารเป็นหลัก ในช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมากองทุนไหนที่เน้นลงทุนหุ้นใหญ่ๆผลตอบแทนจะตีตื้นขึ้นมามากเลยจากที่ต้องหลบมุมอยู่ช่วงนึง และกองทุนของบลจ.ทหารไทยก็มีจุดเด่นในการลงทุนแบบPassive ใช้คอมพิวเตอร์คำนวณสัดส่วนของหุ้นแต่ละตัวในพอร์ทแทนที่จะให้ผู้จัดการกองทุนตัดสินใจแบบกองทุนอื่นๆ ตรงนี้จะมีข้อดีอย่างน้อยๆสองข้อ

คือ กองทุนจะล้อไปกับตลาดค่อนข้างมากเพราะการคำนวณSETมาจากการถ่วงน้ำหนัก ซึ่งหุ้นขนาดใหญ่จะมีผลมาก ใครที่ไม่มีเวลาติดตามตลาดแค่ดูSETในแต่ละวันก็พอจะบอกได้คร่าวๆแล้วว่ากองทุนนี้บวกหรือลบในช่วงนั้นๆ
อีกอย่างคือกองทุนประเภท Passiveจะมีค่าธรรมเนียมการลงทุนที่ถูกมากครับ ทำให้ผลตอบแทนรวมดีขึ้นในระยะยาว

1SMART-LTF ไม่รักหุ้นแต่อยากลดภาษี สำหรับบล.จรรณต้องบอกว่ากองทุนของที่นี่มีนวัตกรรมใหม่ๆเยอะมาก เสียที่ผลตอบแทนของกองทุนไม่โดดเด่นเท่าที่อื่น บวกกับไม่มีธนาคารคอยหนุนทำให้ชื่อเสียงอาจไม่เป็นที่รู้จักมากนัก อย่างไรก็ดีวรรณมีอาวุธเด็ดสำหรับนักลงทุนที่อยากลดภาษีกับกองทันรวมแบบLTF แต่ไม่ชอบความเสี่ยงของการลงทุนในหุ้นครับ เพราะกองทุนวรรณสมาร์ท(ฉลเดจริงๆสำหรับกองทุนนี้)มีการเฮดจ์การลงทุนในหุ้น ไว้ นั่นก็คือหากลงทุนในหุ้น100บาทก็จะพยายามขายช็อตตราสารอนุพันธ์ของหุ้นในสัด ส่วนที่ทางบลจเห็นว่าเหมะสมเพื่อที่จะล็อคการขึ้นลงของราคาหุ้นไว้ ดังนั้นใครที่บอกว่าไม่ชอบลงทุนในหุ้นเล้ยยย ก็สามารถลงทุนในกองทุนนี้ได้เพราะว่าจะมีความผันผวนค่อนข้างน้อยครับ ดังจะเห็นว่าช่วงปีก่อนที่หุ้นลงมาเยอะมากกองทุนนี้กลับได้ผลตอบแทนเป็น อันดับหนึ่งที่บวก 6% แต่ตอนนี้ที่หุ้นขึ้นเยอะกองทุนนี้ก็ไม่ไปไหนเหมือนกันนะครับ ก็สำหรับคนที่อยากลดภาษีอย่างเดียวจริงๆ

สำหรับอีกหนึ่งบลจที่ผมมองว่ามีผลตอบแทนของกองทุนหุ้นดีไม่แพ้กันคือกองทุนของING แต่กองทุนระยะยาวของที่นี่มีหลายกองทุนเหมือนกัน ใครสนใจลองค้นดูอีกทีครับ (พูดตรงๆว่าขี้เกียจอ่า)

มาต่อกันที่กองทุนRMFกันบ้างดีกว่าครับ กองทุนนี้เราสามารถเลือกได้ว่าจะลงทุนในกองทุนหุ้น ตราสารหนี้ หรือจะเอาแบบที่เค้าผสมให้กลมกล่อมก็ได้ทั้งนั้น
มาเริ่มกันที่กองทุนหุ้นกันก่อนนะครับ อันนี้ผมขอไม่เจาะจงไปในตัวกองทุนแบบLTF (เพราะต้องรีบไปทำการงานอย่างอื่นเช่นกัน – ฮา) แต่ก็แบบเดิมๆครับ เพราะปกติแล้วบลจใดก็ตามะใช้ผู้จัดการกองทุนชุดเดิมๆ ลองคิดหลักการทำงานของบลจตามนะครับ อันดับแรกจะให้นักวิเคราะห์นำเสนอตัวหุ้นเข้ามาถ้าไม่น่าสนใจก็คัดออก ถ้าน่าสนใจก็จะเอาลง “กลุ่ม” ที่น่าสนใจลงทุนแต่อาจจะไม่ได้ลงทุนเดี๋ยวนั้นเลยก็ได้ อาจจะเพราะราคาสูงไปหรือว่ารอจังหวะของกลุ่มธุรกิจนั้นๆ ซึ่งทีนี้ก็จะขึ้นอยู่กับผู้จัดการกองทุนครับว่าจะลงหุ้นตัวนั้นเมื่อไหร่ เท่าไหร่ ซึ่งถ้ามองจากตรงนี้คนคัดหุ้นก็กลุ่มเดียวกัน คนเลือกหุ้นก็คือผู้จัดการกองทุนก็มักจะเป็นคนเดียวกันสำหรับกองทุนหุ้นส่วนใหญ่ของบลจนั้นๆ ดังนั้นถ้าเราแอบไปเปิดพอร์ทดูจะพบว่าบางบลจมีกองทุนหุ้นเป็นสิบกองเลย แต่ไส้ในนี่แทบจะเท่ากันเป๊ะๆ ต่างกันแค่ปริมาณหุ้นที่ถือเท่านั้นเอง ดังนั้นหากว่ากองทุนนั้นๆไม่ได้มีข้อกำหนดหรือนโยบายที่พิเศษเฉพาะแล้ว การลงทุนก็จะเหมือนๆกันภายใต้การบริหารของบลจนั้นๆครับ นี่ทำให้ผมค่อนข้างยึดแนวบริหารกองทุนหุ้นของบลจเป็นหลักมากกว่า และสำหรับบลจที่ผมคิดว่าโดดเด่นในหารบริหารกองทุนหุ้นคือ

ทหารไทย สำหรับผมแล้วบลจ.ทหารไทยเป็นอันดับหนึ่งในด้านการลงทุนแบบPassiveครับ
Aberdeenด้วยไสตล์การเลือกหุ้นแบบ Bottom upทำให้หุ้นในพอร์ทโดดเด่นด้วยหุ้นทรงคุณค่ามากมาย พร้อมที่จะเติบโตในระยะยาว กองAYFDIVก็ใช้นโยบายเลือกหุ้นแบบนี้เช่นกัน แต่อาจไม่ใช่สำหรับกองทุนหุ้นส่วนใหญ่ของAYF
INGที่นี่อาจจะบริหารแบบActive แต่ผลตอบแทนก็โดดเด่นไม่น้อยหน้าใครเหมือนกันครับ
บัวหลวง แม้ว่ากองลดหย่อนภาษีจะไม่ประทับใจผมเท่าไหร่ แต่การแยกกองของเค้าน่าสนใจมาก เช่นบัวหลวงโครงสร้างพื้นฐาน บัวหลวงทศพล บัวหลวงธนคม เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลงทุนเน้นกลุ่มมากครับ
เพราะฉะนั้นสรุปง่ายๆว่ากองทุนหุ้นที่ผมชอบในกลุ่มRMFก็จะเหมือนๆกันกับกองทันLTFนั่นเองครับ

สำหรับกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้พูดตามตรงว่าผมไม่ปลื้มเท่าไหร่นัก มันอาจจะดีสำหรับคนที่มีอายุ 40-50 ปีขึ้นไปเพราะว่าเค้าจะถือกองทุนนี้แค่ไม่กี่ปี แต่ถ้าคุณอายุ 20ปลายๆ หรือ 30 ต้นๆการจะถือกองทุนตราสารหนี้ในระยะเป็นสิบๆปีผมมองว่าเรากำลังก้มหน้ายอมแพ้ต่ออัตราเงินเฟ้ออยู่ ถ้าเราจะต้องกินยาพิษแก้หิวน้ำ มันรอดตอนนี้ครับแต่พอยาพิษออกฤทธิ์แล้วตายแน่ๆนา

ถ้าจะให้ดีเลือกเป็นกองทุนผสมเป็นอย่างน้อยจะดีกว่าครับ เพราะผู้จัดการกองทุนสามารถถือตราสารที่เพิ่มค่าในระยะยาวเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้กับพอร์ทการลงทุนโดยรวมได้ บางคนบอกว่าไม่กำไรไม่เป็นไร แต่อย่าขาดทุนก็แล้วกัน ใช่มันถูกในระยะสั้น แต่ถ้าสามสอบปีผ่านไปคุณมีเงินล้านนึง แต่ล้านนึงในสามสิบปีข้างหน้าคุณอาจจะซื้อไม่ได้แม้กระทั่ง นิสสันมาร์ชเลยนะครับ ดังนั้นการลงทุนต้องดูย้าวววว ยาววววครับ

โดยปกติกองทุนรวมแบบผสมกับตราสารหนี้ผมไม่ค่อยเห็นความแตกต่างกันเท่าไหร่ แต่ในช่วงนี้ผมคิดว่าผมชอบอยู่สองสามกองซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นกองแบบRMFครับ

ING Thai Capital Protection RMF กองดีที่มีเวลา กองที่มีชื่อเดียวกันนี้จะมีทั้งหมด 5 กองครับจริงๆมันจะมีหมายเลขกำกับ1-5 ต่อท้ายด้วย ที่ผมชอบกองทุนกลุ่มนี้ เพราะ
อย่างแรกเลยผลตอบแทนไม่ได้น้อยนิดจนน่าใจหาย ผลตอบแทนของกลุ่มนี้อยู่ที่6-8%ต่อปีในปีที่แล้วครับ
ต่อมาเรื่องความเสี่ยง กองทุนนี้ลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำมากกว่า 80% ดังนั้นความเสี่ยงต่อการลดค่าของกองทุน(ขาดทุน)มีค่อนข้างน้อยครับ

มากไปกว่านั้นผมชอบที่มันแบ่งเป็นห้ากอง เพราะแต่ละกองทุนจะมีกำหนดซื้อ 5 ปี เช่นหากเราซื้อกองทุนนี้ในปีนี้ กองทุนจะปิดการซื้อขายไปอีก 5 ปีถึงจะทำการซื้อขายได้อีกครั้งหนึ่ง ต่อให้เราถือกองทุนมาจนครบกำหนดของRMFคือถือเกิน5ปีบริบูรณ์และมีอายุเกิน 55ปีแล้วก็ตาม หากมันไม่ถึงรอบของกองทุนเราก็จะขายไม่ได้ครับ

เช่น หากซื้อกองทุนตอนอายุ 49 พออายุ 54 ปีเรายังขายไม่ได้ตามข้อกำหนดของกองทุนRMFเพราะอายุยังไม่ถึง55ปีใช่ไหมครับ แต่ถึงอายุเราครบกำหนด 55ปีเราก็ยังขายกองทุนไม่ได้อยู่ดี เพราะต้องรอรอบ5ปีของกองทุน คือ อายุ 49->54->59

ถามว่ามันดียังไง คือกองทุนไม่ต้องปรับเปลี่ยนพอร์ทหรือสำรองเงินสดไว้มากจนเกินไปในระหว่าง5ปี ทำให้เค้านำเงินไปลงทุนได้เต็มที่ รวมไปถึงไม่ต้องกังวลเรื่องนักลงทุนจะแห่ขายคืนระหว่างทาง ทำให้ไปลงในสินทรัพย์ระยะยาวได้ ซึ่งจะได้ผลตอบแทนที่มากกว่าครับ นอกจากนี้ผมยังมองว่าถ้าเราขายคืนทุก 5 ปีเราก็สามารถวางแผนการเงินเราได้ง่ายขึ้นด้วย เช่นหากเราคิดว่าเราจะลาโลกตอนอายุ 80 ปีก็หมายความว่าเราจะต้องใช้เงินจากกองทุน 80-55=25ปี เราก็สั่งขายกองทุน20%ทุกๆปีหลังเกษียณ ก็จะเวียนกันไปจนครบ25ปีได้ครับ

ทีนี้กองทุนนี้ก็มีข้อเสียเหมือนกัน คือ ซื้อลำบากมาก เพราะจะให้สั่งซื้อ ขายได้เฉพาะ5วันทำการสุดท้ายของเดือนพฤศจิกายนเท่านั้น ผมมองว่าอันนี้ค่อนข้างจำกัดเกินไป แต่ก็เข้าใจว่าจะทำให้บริหารการลงทุนและเงินได้ดีขึ้นครับอย่างที่ได้บอกไว้ว่าก็เป็นจุดเด่นของเค้าในตอนแรก

สำหรับกองทุนที่ผมชื่นชอบก็มีประมาณนี้นะครับ ไม่ได้บอกว่าเป็นกองทุนที่ดีที่สุดหรือว่าซื้อแล้วจะต้องได้กำไร แต่เป็นกองทุนที่ผมชอบเพราะเค้ามีจุดแข็งที่โดดเด่น ซึ่งบางคนอาจจะไม่ได้มองเหมือนผมก็ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมอยากให้นักลงทุนทั้งหลายถามคำถามตัวเองก่อนลงทุนทุกครั้งครับ ว่าเราลงทุนไปเพื่ออะไร เพื่อลดหย่อนภาษี เพื่อผลตอบแทนในระยะยาว หรือเพื่อร่มและของแถมครับ บางคนลงเพราะของแถมราคาไม่กี่ร้อยบาทแลกกับผลตอบแทนห่วยๆที่ถ้าเลือกใหม่อาจจะทำให้ซื้อของแถมได้เองไม่ต้องมีตราของบลจได้เป็นร้อยๆอัน บางคนลงทุนเพื่อความสะดวก มีสาขาใกล้บ้าน(ทำยังกะจะไปซื้อขายทุกวันงั้นแหละ) จริงๆถ้าเราถามตัวเองก่อนผมก็ยอมรับว่าทุกคนย่อมมีเหตุผลเป็นของตัวเอง แต่ถ้าไม่เคยทำการบ้านอะไรเลยใครบอกว่าอะไรก็ดี พอคุยเรื่องผลตอบแทนกลับยกเอาเหตุอื่นๆมาอ้าง แบบนี้ไม่สวยแน่ในแง่ของการลงทุนและการเคารพตัวเองครับ

ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ

One Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *