ช่วงนี้มีข่าวเรื่องแก๊งมิจฉาชีพ หลอกลวงหาเงินจากผู้คนทั่วไปหลายรูปแบบ
ซึ่งทุกวิธีล้วนหาเงินจากผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะกับคนสูงอายุที่ไม่รู้เท่าทันความเลวของคนกลุ่มนี้

เคยดูข่าวที่คนสูงอายุถูกหลอก หลายครั้งหลายคราวก็ให้นึกสงสาร ว่าใจร้ายจริงๆหนอช่างทำได้ลงคอ
คราวนี้ก็เจอกับคนในครอบครัว ก็ยิ่งสงสาร..จับใจ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พ่อของเราเอง

ค่ะ ที่จริงก็ไม่คิดว่าจะตกเป็นเหยื่อของโจรกลุ่มนี้ได้ง่ายๆ เพราะติดตามข่าวกันอยู่บ่อยๆ
และก่อนหน้านี้ก็มีคนรู้จักหลายคนเคยได้รับโทรศัพท์จากมิจฉาชีพกันมาแล้ว
แต่กลุ่มคนที่หากินแบบนี้มักมีช่องทางเสมอ ช่องทางที่คนดีๆเค้าไม่ทำกัน แต่มันสามารถทำได้
และครั้งนี้จุดอ่อนที่เปิดเป็นช่องทางให้คนพวกนี้ทำได้ก็คือ
ความรักความห่วงใย ของคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่เป็นห่วงลูก
โดยเฉพาะกับคนที่อายุมากแล้ว ซึ่งศักยภาพในการรับรู้ก็ไม่เต็มร้อยทั้งการมองเห็นและการได้ยิน
จะมีก็แต่หัวใจที่เต็มร้อยในความเป็นห่วงลูกเท่านั้น โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าลูกกำลังเดือดร้อน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพ่อในระหว่างที่อยู่บ้านตามลำพัง
ก็มีคนเพศหญิงเข้ามาในบ้านหลอกพ่อว่า ลูกสาวชื่อ(ของเรา)ซึ่งไม่อยู่ที่บ้าน คือเราทำงานที่อื่นค่ะ
จะต้องจ่ายค่าหวยหรือค่าซื้ออะไรให้เขาทุกเดือนๆ เดือนละสามสี่พันบาท (ประมาณว่าลูกเป็นหนี้เขาอยู่)
ทั้งๆที่พ่อก็รู้ว่าลูกไม่เคยเล่นหวย (อ้อ จะว่าไปเคยซื้อค่ะ ครั้งนึง ถูกรางวัลด้วย แต่ไม่ได้สนใจซื้ออีก)

แต่พ่อก็บอกว่า มันให้พ่อคุยโทรศัพท์กับเราเลย เสียงที่เราพูดในโทรศัพท์นะ เสียงสั่นเลยด้วย
โอ้โฮ.. เราฟังแล้วคิดเลยว่ามันตั้งใจมีแผนขนาดนี้ คือกลัวพ่อไม่เชื่อก็กดเบอร์โทรที่มันเตรียมกันไว้แล้ว
พร้อมคนรับสายที่ทำเสียงให้น่าสงสาร แค่พ่อได้ยินเสียงสั่นๆทางโทรศัพท์คงจำไม่ได้ว่านั่นไม่ใช่เสียงลูก
เพราะมัวแต่สงสาร คล้อยตามมันไปแล้ว ยิ่งกดเบอร์โทรแล้วส่งให้ ยิ่งมั่นใจว่ารู้จักลูกตัวเองแน่นอน

…..เฮ้ออออ ก็ไม่รู้ว่ามันพูดอะไรบ้าง
รู้แต่ว่ามันได้ทำให้พ่อเป็นห่วงและสงสารเรามากๆ
ขนาดยอมจ่ายเงินทั้งหมดที่มีอยู่ตอนนั้นให้ไป
โดยเชื่อมันอย่างสนิทใจ ว่านั่นคงช่วยเหลือลูกได้บ้าง

รอจนพี่สาวกลับมาตอนเย็นแล้ว พ่อถึงได้ไปเล่าเรื่องให้ฟัง
พี่สาวถึงได้โทรมาถาม และเล่าให้ฟังสั้นๆ
เมื่อรู้ว่าถูกหลอกแน่นอนแล้ว พี่สาวก็ส่งโทรศัพท์มาให้พ่อคุยกับเราเอง
บอกเราว่าคุยกับเขามากๆหน่อย ให้เขาได้ยินเสียงเราจะได้จำได้
เราก็บอกพี่สาวว่าพ่อเค้าไม่ค่อยได้ยินหรอก ก็โทรไปคุยด้วยบ่อยๆอยู่นะ

แล้วเราก็ได้คุยกับพ่อ ประโยคแรกที่ได้ยินจากพ่อเลยก็คือ
“..เป็นยังไงบ้างล่ะ เราน่ะ ..สบายดีมั๊ย..”
ได้ยินพ่อถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง (ทั้งๆที่รู้ว่าเราไม่ได้เดือดร้อนแบบที่คนมันมาหลอก แต่พ่อก็ยังเป็นห่วง)
คราวนี้เองเสียงเราที่จะตอบพ่อนี่แหละ
ทำท่าจะสั่นจริง เพราะสงสารพ่อจับหัวใจเลย….

ไอ้เรื่องเสียเงินน่ะไม่เท่าไร
แต่เสียใจที่มันทำให้พ่อต้องเป็นห่วงเป็นกังวลเรื่องเราขนาดนั้นนี่มันแย่มากเลยนะ
เพราะเราเองที่เป็นลูกยังไม่คิดจะทำให้พ่อต้องเป็นห่วงเป็นกังวลเลย แต่มันสิ ไอ้คนเลวพวกนี้มันทำได้ ..เลวจริงๆ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *